การเจียระไนเพชร งานศิลป์ที่ยกระดับมูลค่าของเพชรให้เหนือขึ้นไปอีกระดับ

การเจียระไนเพชร คือการตัดแต่งเพชรดิบให้ออกมาเป็นรูปทรงต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงาม เจียระไนเพื่อให้เพชรมีรูปทรงสมมาตรและสามารถเล่นกับแสงไฟ เกิดประกายไฟหักเหและสะท้อนแสงที่ส่องออกมาให้ได้มากที่สุดภายใต้การรักษาน้ำหนักเพชรให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องใช้ผู้ปฏิบัติงานหรือช่างฝีมือที่มีทักษะและความชำนาญขั้นสูง ต้องใช้ความประณีตและความรอบคอบเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เนื้อเพชรที่เจียระไน อีกทั้งการเจียระไนเพชรยังมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับแต่งเพชรให้มีรูปทรงที่เหมาะสมสำหรับงานดีไซน์ หรือรูปแบบดีไซน์ของเครื่องประดับด้วย

ประเภทของการเจียระไนเพชรให้มีรูปทรงต่าง ๆ

1. การเจียระไนเพชรทรงกลม (Round Brilliant Cut)

การเจียระไนเพชรกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นรูปแบบยอดนิยมมีมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นรูปแบบการเจียระไนเพชรเพื่อให้เพชรออกมามีรูปทรงกลม หรือที่เรียกว่า Round Brilliant Cut การเจียระไนเพชรในลักษณะนี้ มีเหลี่ยมหน้าตัดเพชรมากถึง 58 ด้าน ส่งผลให้มีคุณสมบัติการเปล่งประกายแสงและไฟ สะท้อนสวยงามระยิบระยับมากที่สุดในการเจียระไนเพชรรูปทรงอื่น อีกทั้งยังเป็นรูปแบบการเจียระไนเพชรที่ต้องใช้ความชำนาญของช่างฝีมือสูงมาก มีมูลค่าและราคาสูงที่สุดในรูปทรงของเพชรและรูปแบบการเจียระไนเพชรแล้ว

2. การเจียระไนเพชรแฟนซี (Fancy Cut)

การเจียระไนเพชรให้ออกมามีรูปทรงต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากเพชรรูปทรงกลม จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเพชรแฟนซีทั้งหมด ซึ่งมีหลายรูปทรงยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงหมอนอิง (Cushion Cut) เพชรรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมแหลม (Princess Cut) เพชรทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Emerald Cut) เพชรทรงหยดน้ำ (Pear Shape) เพชรทรงไข่ (Oval Shape) เพชรทรงเม็ดข้าว (Marquise Shape) เพชรทรงหัวใจ (Heart Shape) และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยการเจียระไนเพชรแฟนซีรูปทรงต่าง ๆ จะอาศัยความชำนาญและความยากที่ไม่เท่ากัน มีจำนวนเหลี่ยมและคุณสมบัติในการสะท้อนแสงเปล่งประกายไม่เท่ากัน จึงส่งผลให้ความมีสวยงาม และมูลค่าที่แตกต่างกันออกไปด้วย

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดเกรด การเจียระไนเพชร

1. สัดส่วนของเพชร (Cut Grade)

หลักการเจียระไนเพชรที่สมบูรณ์แบบ คือต้องคำนึงถึงสัดส่วนของเพชร โดยต้องมีสัดส่วนในขนาดที่เหมาะสม หน้าเพชรไม่ควรกว้างหรือแคบจนเกินไป รวมถึงความสูงของเพชรต้องไม่ตื้นหรือลึกจนเกินไป ตลอดจนขอบเพชรต้องมีความหนาในสัดส่วนที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ หากทุกสัดส่วนมีความลงตัวจะทำให้เพชรที่ผ่านการเจียระไน มีประกายไฟ หรือการกระเจิงของแสงออกมาให้เห็นเป็นสีรุ้งเลยทีเดียว แถมยังมีความแวววาวและประกายอันเกิดจากการสะท้อนของแสงไฟภายในตัวเพชร และเห็นได้ชัดจากพื้นผิวภายนอกตัวเพชรเช่นกัน

2. การขัดเงา (Polish)

การเจียระไนเพชรต้องใส่ใจถึงขั้นตอนการขัดเงาเพชรด้วย หากเจียระไนและขัดเงาออกมาได้ดี จะสังเกตได้ว่าเมื่อมีแสงตกกระทบลงบนพื้นผิวเพชร จะมีความสวยงามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ต้องใช้ความชำนาญในการเจียระไนให้พื้นผิวเพชรมีความเรียบเนียนสวยงาม สม่ำเสมอกัน ไม่มีเม็ดทราย และไม่ทิ้งร่องรอยความเสียหายและรอยไหม้ จากการเจียระไนเพชรที่เกิดบนพื้นผิวไว้ (Polish lines, Polish Mark) ซึงทำให้พื้นผิว

3. ความสมมาตร (Symmetry)

การเจียระไนเพชรในระดับสุดยอด คือเพชรต้องมีความสมมาตรทั้งด้านซ้ายและขวา Crown และ Pavilion ต้องอยู่ในแนวเดียวกัน ตำแหน่งของ ก้นเพชร (Culet) ต้องสัมพันธ์กับหน้าเพชร (Table) รวมถึงเหลี่ยมทุกเหลี่ยมมีความเท่าเทียมกัน เมื่อแสงตกกระทบลงบนตัวเพชรตามองศา จะทำให้เพชรสะท้อนประกายแสงไฟได้อย่างชัดเจน สังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตาเปล่าในทันที

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบประกายระยิบระยับสวยงาม แสงสะท้อนที่มีความโดดเด่นของเพชร การเจียระไนเพชรเป็นอีกหนึ่งหลักการในการเลือกซื้อเพชรที่คุณห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะการเจียระไนไม่เพียงแต่ส่งผลถึงขนาดรูปทรงความสวยงามภายนอกของตัวเพชรเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณลักษณะความงามภายในของเพชรได้เช่นกัน ซึ่งการเลือกซื้อต้องใช้ความชำนาญในการคัดเลือกสูง เราแนะนำให้เลือกซื้อเพชรที่ได้รับรองการเจียระไนเพชรระดับ Excellent ทั้ง 3 ด้าน หรือที่เรียกว่า 3EX จะช่วยให้เพชรสะท้อนแสงเปล่งประกายได้ดี

สุดท้ายนี้ท่านใดที่กำลังวางแผนจะซื้อเพชรแต่ไม่รู้จะเลือกซื้อที่ไหนดี ทาง Glorious Diamonds เรามีช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ มีการระบุรายละเอียดของเพชรแต่ละเม็ด รูปแบบการเจียระไนเพชร รูปทรงและราคาไว้อย่างชัดเจน ท่านสามารถส่องทรงที่ชอบในราคาที่ใช่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ของเรา https://www.gloriousdiamonds.net/