การทำความเข้าใจความหมายของสีของเพชรช่วยในการเลือกเพชรที่เหมาะสม ที่น่าสนใจคือการประเมินสีเพชรของเพชรแต่ละเม็ด เพชรคุณภาพสูงคือไร้สี เพชรที่บริสุทธิ์และมีโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบทางธรรมชาติบริสุทธิ์ดังนั้นจึงมีมูลค่าสูงกว่า ระบบคัดเกรดสี สถาบันมณีศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ GIA พัฒนาระบบการจัดลำดับสีของเพชร ด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษโดยเรียงจาก D ไล่ไปถึง Z โดย D จะหมายถึงเพชรที่มีความขาวใสไร้สีมากที่สุด

สถาบัน GIA จะวัดระดับความใสไม่มีสีโดยการเปรียบเทียบเพชรภายใต้แสงที่ควบคุมได้และสภาพการตรวจสอบที่แม่นยำกับเพชรหลักที่มีค่าสีที่กำหนดไว้

คนไทยเรียกสีของเพชรว่า “น้ำ” และใช้เลขเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยความขาวใสไร้สีสูงสุดอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ “น้ำ” ยิ่งสูงก็จะยิ่งขาวใสไร้สี และไม่มีสีเหลืองเจือปน เช่น

• เพชรน้ำ 100% คือเพชร D Color
• เพชรน้ำ 99% คือเพชร E Color
• เพชรน้ำ 98% คือเพชร F Color
• เพชรน้ำ 97% คือเพชร G Color
• เพชรน้ำ 96% คือเพชร H Color
• เพชรน้ำ 95% คือเพชร I Color
• เพชรน้ำ 94% คือเพชร J Color
• เพชรน้ำ 93% คือเพชร K Color
• เพชรน้ำ 92% คือเพชร L Color
• เพชรน้ำ 91% คือเพชร M Color
• เพชรน้ำ 90% คือเพชร N Color

ระดับ D-F หรือ Colorless ใส ขาว การจะได้ระดับสีตามที่ GIA ต้องการนั้นต้องมีการวัดค่าสีด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยี ในการวัดระดับของสีเพชร

ระดับ G-J หรือ Near Colorless โดย G-H เป็นระดับ สีขาวแต่เนื้อเพชรมีประกายแสงออกมานวล ๆ โทนเหลืองอ่อน ในระหว่างระดับสีของเพชรในช่วง I-J นั้นจะออกไปทางโทนเหลือง ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่ะ

ระดับ K-M หรือ Faint เป็นเพชรที่มีระดับสีเหลือง จึงทำให้เพชรนั้นมีราคาถูก

ความแตกต่างของสีเพชรจำนวนมากเหล่านี้ละเอียดอ่อนมากจนมองไม่เห็นด้วยตา โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามความแตกต่างของสีเพชรเหล่านี้ สร้างความแตกต่างอย่างมากในด้านคุณภาพและราคาเพชรดังนั้นเพชรแต่ละเม็ดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ GIA ในการประเมินสีที่ดีที่สุดสำหรับเพชรของคุณ